
พูดคุยกับทั้งเด็กๆ วัยแรกรุ่น และวัยรุ่นเกี่ยวกับการแชร์รูปภาพและวิดีโอ
ที่ไม่เหมาะสม
ที่
มีการสนทนากันอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับความเสี่ยงของการแชร์
การพูดคุยกับกลุ่มเด็กและวัยรุ่น
หากมีเด็กหรือวัยรุ่นมาบอกกับคุณว่าตนเองได้รับหรือได้ส่ง
หมายเหตุ: อุปกรณ์ของเด็กๆ อาจเบลอ
-
- อธิบายว่ารูปภาพและวิดีโอที่แสดงส่วนต่างๆ ในร่างกายที่เป็นของสงวน (ส่วนที่ชุดชั้นในหรือชุดว่ายน้ำปกปิดอยู่) เป็นสิ่งที่ไม่ควรแชร์ออกไป
- ส่งเสริมให้เด็กๆ มาปรึกษาคุณหาก
พวกเขาได้รับ รูปภาพหรือ วิดีโอที่ถูกเบลอหรือทำให้ พวกเขารู้สึก ไม่สบายใจ - หากเด็กๆ มาปรึกษาคุณพร้อมกับ
รูปภาพหรือ วิดีโอที่ ไม่เหมาะสม หรือคุณเห็นสิ่ง เหล่านี้บนอุปกรณ์ของ พวกเขา ให้คุณโต้ตอบ พวกเขาด้วยท่าทีสงบและพูดคุยถึงสาเหตุว่าทำไมคุณถึงรู้สึกว่า รูปภาพหรือ วิดีโอนั้นอาจ ไม่เหมาะสม รวมทั้งขอบคุณเด็กๆ ที่นำเรื่องนี้มาแจ้งให้คุณทราบหรือพูดคุยกับคุณ ในเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา จากนั้นให้ช่วยกันหาทางลบ รูปภาพหรือ วิดีโอ ดังกล่าว - แม้ว่าความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับร่างกายอาจเป็นเรื่องปกติ แต่ให้พิจารณา
ขอคำปรึกษาจาก ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตหากเด็กแสดงความสนใจซ้ำๆ หรือมากเกินไป ในเรื่องความโป๊เปลือยและ ในเรื่องเพศ
-
- วัยรุ่นจำเป็นต้องตระหนักว่ามีเหล่าอาชญากรที่แสร้งทำตัวเป็นวัยรุ่นและเสนอให้แลกเปลี่ยน
รูปภาพหรือ วิดีโอโป๊เปลือยหรือที่มีเนื้อหาทางเพศที่ ไม่เหมาะสม ซึ่งเหล่าอาชญากรจะใช้ รูปภาพหรือ วิดีโอ เหล่านี้เพื่อบังคับข่มขู่ทางเพศ (Sextortion) โดยขู่ว่าจะโพสต์หรือเผยแพร่ รูปภาพหรือ วิดีโอ ดังกล่าวหากตนไม่ได้รับเงินหรือผลประโยชน์ในทางเพศ - หากคุณทราบว่าวัยรุ่นในความดูแลของคุณได้รับหรือส่ง
รูปภาพหรือ วิดีโอโป๊เปลือย ให้คุณสงบจิตใจและพยายามประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หาก รูปภาพหรือ วิดีโอ ดังกล่าวถูกส่งหรือได้รับโดยที่ตัววัยรุ่นเองไม่ได้ร้องขอ นั่นอาจทำให้เขารู้สึกวิตกกังวล ซึ่งเหตุการณ์ เหล่านี้อาจเป็นผลพวงจากการถูกระรานหรือการคุกคามก็ได้ - มีหลายกรณีที่มีการแชร์
รูปภาพหรือ วิดีโอโป๊เปลือยออกไปเพราะถูกกดดัน นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ผู้รับเป็นผู้แชร์หรือเผยแพร่ รูปภาพหรือ วิดีโอโดยไม่ได้รับความ ยินยอมจากบุคคลที่เป็นคนเริ่มส่งภาพนั้น ซึ่งหากเป็นการแชร์โดยไม่ได้รับความ ยินยอมหรือมีผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง ให้พิจารณาติดต่อหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย - พูดคุยกับวัยรุ่นอย่างนุ่มนวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในการส่งหรือรับ
รูปภาพหรือ วิดีโอโป๊เปลือย เช่น วันหนึ่งผู้รับอาจแชร์ภาพหรือ วิดีโอ เหล่านี้ออกไป ไม่ว่าโดยเจตนาหรือบังเอิญ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความอับอาย ถูกระราน หรือมีความ เสียหายอื่นๆ - สิ่งสำคัญคือการเน้นย้ำให้กลุ่มเด็กและวัยรุ่นเข้าใจว่า แม้จะเป็นเรื่องน่าอายหากมีการเผยแพร่
รูปภาพหรือ วิดีโอ เหล่านี้ออกไป แต่นั่นไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ยังมีคนที่ สามารถ ช่วยเหลือ พวกเขาได้ รวมถึงตัวคุณด้วย และสถานการณ์ ทุกอย่างจะคลี่คลายได้ด้วยดี
- วัยรุ่นจำเป็นต้องตระหนักว่ามีเหล่าอาชญากรที่แสร้งทำตัวเป็นวัยรุ่นและเสนอให้แลกเปลี่ยน
ดูเพิ่มเติม

เคล็ดลับที่จะช่วยให้เด็กๆ ออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย
การทำกิจกรรมออนไลน์ของเด็กๆ และวัยรุ่นให้ปลอดภัยและเป็นไปในทางที่ดี
ปฏิบัติดังนี้เพื่อออนไลน์อย่างปลอดภัย
- คุณรู้จักเด็กๆ ของคุณดีกว่าใคร สิ่งที่ใช้ได้ผลกับเด็กบางคนอาจใช้ไม่ได้กับเด็กคนอื่นๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุ ระดับวุฒิภาวะ และปัจจัยอื่นๆ
- แสดงความสนใจใน
แอปที่เด็กๆ ใช้และเว็บไซต์ที่ พวกเขาเข้าชม เพราะการทำความรู้จักกับ แอปและเกมโปรดของเด็กๆ จะช่วยให้คุณเข้าใจแพลตฟอร์ม การ ตั้งค่าความเป็น ส่วนตัว และเหตุผลที่ พวกเขาชื่นชอบ แอปและเกม เหล่านั้น - การสื่อสารคือหัวใจสำคัญ คุณต้องสร้างบทสนทนาที่ไม่ใช่การสั่งสอน และสร้างความมั่นใจให้เด็กๆ ว่า
พวกเขา สามารถเข้ามา พูดคุยกับคุณได้ ไม่ว่าจะเจอปัญหาใดๆ ก็ตาม พร้อมทั้งทำให้ พวกเขารู้ว่าคุณจะไม่แสดงปฏิกิริยาที่เกินกว่าเหตุ และการปกป้อง พวกเขาคือสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการลงโทษ - พูดคุยกับเด็กๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยและความเป็น
ส่วนตัว รวมถึงความสำคัญของการใช้ รหัสผ่านที่รัดกุมและไม่ซ้ำกับใคร ตลอดจนเครื่องมือ สำหรับการยืนยัน ตัวตนอื่นๆ เช่น การจำ ลายนิ้วมือหรือใบหน้า - อธิบายให้กลุ่มเด็กและวัยรุ่นเข้าใจถึงความเสี่ยงต่างๆ เช่น การเผยแพร่
รูปภาพหรือ วิดีโอโป๊เปลือย หรือ รูปภาพหรือ วิดีโอ ส่วนตัวที่แสดงถึงนัยยะทางเพศ ตลอดจน การระราน การให้ข้อมูลที่ผิด และการทำลายชื่อเสียงของ พวกเขา ซึ่งทั้งหมดนี้อาจเป็นเพียงการสนทนาสั้นๆ แต่ควรมี การกลับมาทบทวนกันอยู่เป็นระยะ รวมถึงเน้นย้ำกับ พวกเขาว่าหากมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น คุณก็พร้อมจะให้ความ ช่วยเหลือเสมอ - พิจารณาใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น การใช้คุณสมบัติเวลา
หน้าจอเพื่อตรวจสอบการ ใช้งานอุปกรณ์ของเด็กๆ โดยให้ถือว่าเป็น ประสบการณ์การ เรียนรู้อย่างหนึ่งและกลับมาทบทวนการควบคุมต่างๆ เมื่อเด็กๆ เติบโตขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้ พวกเขาพัฒนาความ สามารถในการใช้เทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

การล่อลวงทางเพศ
การระบุพฤติกรรมการล่อลวงและพูดคุยกับเด็กและวัยรุ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้
การล่อลวง เป็นกลวิธีที่ผู้ล่วงละเมิดใช้เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเด็กและวัยรุ่น เพื่อหลอกใช้ แสวงหาผลประโยชน์ และทำร้าย โดยผู้ล่วงละเมิดอาจทำการผูกมิตรกับเด็กเพื่อให้ได้รับความ
บุคคลที่ล่อลวงทางเพศเด็กนั้นมักจะมีความอดทน เพียรพยายาม และมีความ
การสนทนาที่เหมาะสมกับอายุเด็กเกี่ยวกับการล่อลวงก็เป็นการป้องกันทางหนึ่ง รวมถึงการสร้างความมั่นใจแก่เด็กๆ ว่าหาก
การสื่อสารอย่างเปิดเผยก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะการปกป้องกลุ่มเด็กและวัยรุ่นจากการล่อลวงเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้
-
แม้ว่าสัญญาณ
เหล่านี้จะไม่ได้ เชื่อมโยงกับการล่อลวงเสมอไป แต่ ผู้ปกครองเองก็อาจคอยสังเกตว่าเด็กๆ มีพฤติกรรม เหล่านี้หรือไม่ - มีความลับเกี่ยวกับสิ่งที่
พวกเขากำลังทำทางออนไลน์ - ปิดบัง ซ่อนเร้น หรือปิดอุปกรณ์อย่างรวดเร็วเมื่อมีคนเดินเข้ามาในห้อง
- มีของขวัญ เงิน ยาเสพติด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสิ่งของมีค่าอื่นๆ ที่ไม่
สามารถอธิบายที่มาได้ ออนไลน์ในช่วงดึกหรือในช่วงเวลาผิดปกติ - ดูว้าวุ่น หดหู่ โกรธ หรือ
หวาดกลัว
สอบถามพูดคุยกับเด็กว่าพบบุคคลใน
ออนไลน์มีพฤติกรรม เหล่านี้หรือไม่ - เสนอของขวัญให้แก่
พวกเขา - พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องโรแมนติก ความรัก หรือความสัมพันธ์ทางเพศ
- ส่งหรือขอ
รูปภาพหรือ วิดีโอโป๊เปลือย หรือที่มีเนื้อหาทางเพศ ไม่เหมาะสม - ชวน
พวกเขาให้ร่วมบทสนทนาที่มีความเป็น ส่วนตัวสูงอย่าง ไม่เหมาะสม - ขอให้
พวกเขาเก็บความลับ - พยายามแยก
พวกเขาออกจากเพื่อนๆ หรือครอบครัว - ขอให้
พวกเขาไปคุยต่อในแพลตฟอร์มอื่น
- มีความลับเกี่ยวกับสิ่งที่
-
ไม่ว่าเด็กจะอายุเท่าไหร่ วิธีที่ดีที่สุดที่จะทราบได้ว่าเด็กถูกล่อลวงทาง ออนไลน์หรือไม่และเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นก็คือการพูดคุยกับ พวกเขา - สอบถามพูดคุยกับเด็กหรือวัยรุ่นเป็นประจำเกี่ยวกับประสบการณ์ออนไลน์ของ
พวกเขา - อธิบายว่ามีกลุ่มคนที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือทำร้ายเด็กและวัยรุ่น โดยคน
เหล่านี้อาจแสร้งทำตัวเป็นมิตรและขอให้ พวกเขาทำในสิ่งที่ไม่ปลอดภัย - สัญญาว่าจะไม่โกรธหาก
พวกเขาบอกคุณเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ดีหรือหาก พวกเขาได้ทำอะไร ผิดพลาดลงไป เพราะ ผู้ที่ล่อลวงจะอาศัยความกลัวการถูกลงโทษเพื่อป้องกันไม่ให้เยาวชน รายงานการล่วงละเมิด - สร้างข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับกฎและขอบเขตว่าเมื่อไหร่คือเวลาที่เหมาะสมและ
ไม่เหมาะสมในการติดต่อทาง ออนไลน์กับคนที่ไม่รู้จัก รวมถึงพิจารณาใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น คุณสมบัติเวลา หน้าจอ เพื่อช่วยในการดูแลการใช้เทคโนโลยีของเด็ก - อธิบายให้เด็กทราบอย่างชัดเจนถึงวิธี
รายงานผู้คนและบ ล็อคหรือปิดเสียงบัญชีใน แอปที่ พวกเขาใช้ - พูดคุยเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติและการ
ตั้งค่าความปลอดภัยและความเป็น ส่วนตัวทาง ออนไลน์ - อธิบายให้เด็กเข้าใจอย่างชัดเจนว่าข้อมูลส่วนบุคคลใดบ้างที่ควรและไม่ควรแชร์ทาง
ออนไลน์และเพราะเหตุใด - ช่วยเด็กแยกแยะความ
แตกต่างระหว่างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับปฏิสัมพันธ์ที่อาจเป็นปัญหาหรืออันตราย รวมถึงการทำให้ พวกเขารู้ว่าถ้ามีใครทำให้ พวกเขารู้สึก ไม่สบายใจ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม พวกเขา สามารถเข้ามาขอความ ช่วยเหลือจากคุณได้
การพูดคุยกับเด็กเล็กเกี่ยวกับการล่อลวง
- เรียกชื่อส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างถูกต้อง และอธิบายว่าส่วนใดของร่างกายที่เป็นของสงวนและเพราะเหตุใด
- ไม่
สนับสนุนให้ติดต่อสื่อสารกับผู้ใหญ่ที่ พวกเขาไม่รู้จัก - พูดคุยถึงความ
แตกต่างระหว่างความลับทั่วไปที่มีได้ เช่น การไม่บอกใครเกี่ยวกับงานปาร์ตี้เซอร์ไพรส์ กับความลับที่ไม่ควรมี เช่น การไม่บอกผู้ใหญ่ที่ ไว้วางใจเมื่อ พวกเขารู้สึก หวาดกลัวหรือถูกคุกคาม
การพูดคุยกับเด็กโตหรือวัยแรกรุ่นเกี่ยวกับการล่อลวง
- ฝึกให้
พวกเขาเล่าเรื่องที่น่าอึดอัดใจให้คุณฟัง และชมเชยที่ยอมเล่าและทำให้ พวกเขารู้ว่าคุณพร้อมจะ ช่วยเหลือ - ทำความเข้าใจว่าเด็กแต่ละคนมีความเปราะบางไม่เท่ากัน
การพูดคุยกับวัยรุ่นเกี่ยวกับการล่อลวง
- สนทนากันอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับการล่อลวงใน
รูปแบบที่จะไม่ก่อให้เกิดความ หวาดกลัว - เตือน
พวกเขาว่าไม่ใช่ทุกคนจะแสดง ตัวตนที่แท้จริงหรือมีเจตนาดีต่อ พวกเขาเสมอไป - ทำความเข้าใจว่าวัยรุ่นอาจมีความสนใจและอยากรู้อยากเห็น
ในเรื่องเพศ และทำให้ พวกเขารู้ว่า สามารถเข้ามาพูดคุยกับคุณได้หากพบกับสิ่งใดก็ตามที่เป็นการคุกคาม - เตือน
พวกเขาว่า พวกเขามีสิทธิ์ที่จะเพิกเฉย รายงาน และบ ล็อคใครก็ตามที่ทำให้ พวกเขา ไม่สบายใจได้ - อธิบายว่าสิ่งใดก็ตามที่
พวกเขาแชร์ทาง ออนไลน์อาจถูก คัดลอกและแชร์ให้กับคนอื่นๆ ได้ ไม่ว่าโดยบังเอิญหรือโดยเจตนา
จำไว้ว่าคุณรู้จักเด็กๆ ของคุณดีที่สุด วิธีที่คุณจะใช้
จัดการกับหัวข้อยากๆ ควรขึ้นอยู่กับอายุ ระดับวุฒิภาวะ และปัจจัยอื่นๆ ของเด็กๆ รวมถึงความเปราะบางและสภาวะทางอารมณ์ของ พวกเขาด้วย พวกเขาอาจลังเลที่จะพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทาง ออนไลน์และอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกล่อลวงอยู่ ดังนั้นควรสร้างความมั่นใจกับ พวกเขาว่าถ้ามีคนมาล่อลวง นั่นไม่ใช่ความผิดของ พวกเขาเลย - สอบถามพูดคุยกับเด็กหรือวัยรุ่นเป็นประจำเกี่ยวกับประสบการณ์ออนไลน์ของ

การรับมือกับการระรานทางไซเบอร์
วิธีระบุพฤติกรรมและให้ความ
เวลาที่เด็กๆ กำลังถูกระรานทางไซเบอร์นั้นอาจไม่
เด็กคนไหนก็
การสนทนาสั้นๆ กับเด็กๆ
-
- สงบจิตใจ อย่าแสดงปฏิกิริยาเกินกว่าเหตุ และอย่าตำหนิ
พวกเขา โดยมากแล้วการยึดอุปกรณ์ของเด็กไปไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร เริ่มต้นด้วยการรับฟัง ค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นและเรื่องนี้ทำให้เด็กรู้สึกอย่างไร รวมทั้งเป็นกำลังใจให้ - หากมีคนส่งภาพหรือเนื้อหาที่
ไม่เหมาะสมซึ่งทำให้เด็กๆ ไม่สบายใจ คุณ สามารถแนะนำ พวกเขาได้ว่าอย่าโต้ตอบ - แนะนำให้เด็กๆ ใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น การบ
ล็อคหรือการปิดเสียงบัญชี รวมทั้ง รายงานเนื้อหาไปยังแพลตฟอร์มที่เกิดเหตุการณ์ ดังกล่าวขึ้น - พูดคุยถึงกลยุทธ์ต่างๆ ที่จะยุติ
การระรานทางไซเบอร์ และนึกถึงวิธีที่คุณ สามารถช่วยเยียวยาให้เด็กๆ กลับคืนสู่สภาวะปกติได้ดี ยิ่งขึ้น - เปิดโอกาสให้เด็กๆ เข้าร่วมในการหารือและวางแผนเพื่อหาทางออก เพราะ
การระรานทางไซเบอร์มักก่อให้เกิดการสูญเสียการควบคุมสถานการณ์ทางสังคม และการให้เด็กเข้ามามีส่วนร่วมจะช่วย จัดการปัญหานั้นได้ - เมื่อมีข้อสงสัย ให้ขอความ
ช่วยเหลือจากที่ปรึกษาโรงเรียน ผู้สอน หรือ ผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ - บางครั้ง
ผู้ปกครองอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงด้วยการโต้ตอบต่อสาธารณะ ดังนั้น การโต้ตอบต่างๆ ควรผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดี - หาก
ผู้ที่ระรานทางไซเบอร์ต่อเด็กๆ ของคุณเป็นเด็กเช่นกัน ให้ประสานงานกับ ผู้ปกครองและผู้มีอำนาจของโรงเรียนเพื่อ จัดการกับพฤติกรรมของเด็กคน ดังกล่าว
- สงบจิตใจ อย่าแสดงปฏิกิริยาเกินกว่าเหตุ และอย่าตำหนิ
-
ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะ
การระรานทางไซเบอร์อาจบ่งชี้ว่าเด็กกำลังมีปัญหาและอาจนำไปสู่ปัญหาที่ร้ายแรงยิ่งกว่า โดยก่อนที่คุณจะกำหนดบทลงโทษ สำหรับพฤติกรรมนั้น ให้ค้นหาสาเหตุว่าทำไมเด็กจึงมีความร้ายกาจหรือแสดงออกอย่างก้าวร้าว
สาเหตุเบื้องลึกนั้นมีหลากหลายแต่อาจประกอบด้วยสาเหตุต่อไปนี้ - การพยายามปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มเพื่อนที่เป็นผู้ระราน
ทางไซเบอร์ - เกิดความวิตกกังวล โกรธ ซึมเศร้า ขาดการควบคุม หงุดหงิด หรือเครียด
- กำลังถูกระราน
ทางไซเบอร์เช่นกัน - มีความต้องการควบคุมสิ่งต่างๆ
- กำลังเรียกร้องความสนใจจาก
ผู้อื่น - ไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึง
ผลกระทบด้านลบของพฤติกรรม การระราน ทางไซเบอร์
หากเด็กๆ ของคุณกำลังระราน
ทางไซเบอร์ ผู้อื่น ผู้ปกครองและผู้ใหญ่ที่เขา ไว้วางใจ สามารถทำดังนี้ - ค้นหาว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเด็กเพื่อประเมินสาเหตุของ
การระราน ทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้น รวมถึงพิจารณาสภาวะทางอารมณ์ กลุ่มเพื่อน และปัจจัยอื่นๆ ของเด็ก - พูดคุยกับเด็กและอธิบายว่า
การระราน ทางไซเบอร์นั้นอาจส่งผลร้ายต่อ ผู้อื่นและตัวเด็กเองอย่างไรได้บ้าง และทำไมจึงเป็นสิ่งที่ ไม่เหมาะสม รวมถึงบอกให้ พวกเขาทราบถึงความสำคัญของการมีจิตใจที่ดี การเห็นอกเห็นใจ ผู้อื่น และสิ่ง เหล่านี้จะส่งผลต่อ ผู้อื่นอย่างไร - พิจารณาการเข้าไปพูดคุยกับที่ปรึกษาของโรงเรียนหรือ
ผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ เพื่อขอ คำแนะนำและกลยุทธ์ต่างๆ - บอกให้
พวกเขารู้ว่า การระราน ทางไซเบอร์จะก่อให้เกิดผลอย่างไรบ้าง - ระดม
ความคิดเพื่อหาวิธีที่จะให้เด็กๆ สามารถแก้ไขความผิดของเขาต่อ ผู้ที่ถูก พวกเขาทำร้ายได้
- การพยายามปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มเพื่อนที่เป็นผู้ระราน

รับความช่วยเหลือด้านสุขภาพอารมณ์และสุขภาพจิต
หากคุณต้องการติดต่อผู้ให้คำปรึกษาที่ผ่านการฝึกอบรมในทันที Childline Thailand พร้อมให้
ไปที่ Childline Thailand Foundation -

รายงาน
คุณสามารถรายงานรูปภาพที่